เดินหน้าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 เชื่อมบึงกาฬ-บอลิคำไซ

เดินหน้าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 เชื่อมบึงกาฬ-บอลิคำไซ

วันที่นำเข้าข้อมูล 12 ธ.ค. 2567

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 12 ธ.ค. 2567

| 610 view
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2562 นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (จังหวัดบึงกาฬ- แขวงบอลิคำไซ) โดยมอบหมายให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการออกแบบและก่อสร้าง โดยรัฐบาลไทยใช้งบประมาณลงทุน 2,630 ล้านบาท ขณะที่ สปป. ลาว ใช้เงินกู้จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ NEDA ภายใต้วงเงินลงทุน 1,300 ล้านบาท รวมเงินลงทุนก่อสร้าง 3,930 ล้านบาท ระยะทางรวม 16.18 กิโลเมตร โดยสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งใหม่นี้รัฐบาลไทยและ สปป. ลาวร่วมกันผลักดันเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงของระบบคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของการกระชับความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ภายหลังการลงนามข้อตกลงการก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคม 2563 และมีพิธีวางศิลาฤกษ์โดยนายกรัฐบมนตรีของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2565 โดยแบ่งการก่อสร้างเป็น 3 ระยะ (สถานะปัจจุบัน โครงสร้างของตัวสะพานในส่วนของฝ่าย สปป. ลาวและฝ่ายไทย ดำเนินการแล้วเสร็จแล้วกว่าร้อยละ 90 โดยคาดว่าจะสามารถเชื่อมสะพานได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และเปิดใช้งานได้ภายในช่วงกลางปี 2568 ทั้งนี้ แผนงานต่อไปสำหรับการสร้างสะพานมิตรภาพ คือการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 6 เชื่อมจังหวัดอุบลราชธานีกับแขวงสาละวัน
 
โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 5 (จังหวัดบึงกาฬ-แขวงบอลิคำไซ) จะมีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนระหว่างคนไทยและคนลาว รวมทั้งประชาชนจากประเทศที่ 3 ให้มีความใกล้ชิดแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ และความเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่อง สะพานมิตรภาพแห่งนี้ซึ่งอยู่บนเส้นทางเชื่อมต่อระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย สปป.ลาว เวียดนาม จะทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธ์บนเส้นทางความเชื่อมโยงของแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ที่สามารถเชื่อมจากไทย ผ่าน สปป.ลาว เข้าสู่เวียดนามได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
 
โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯ ข้างต้นจึงมีผลต่อการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจระหว่าง 3 ประเทศร่วมกัน ทั้งในมิติด้านการท่องเที่ยว ด้านการคมนาคมขนส่ง ด้านการค้าการลงทุน ตลอดจนการเสริมสร้างความร่วมมือในภาคประชาชน และเป็นสะพานมิตรภาพฯ แห่งแรกของจังหวัดบึงกาฬและแขวงบอลิคำไซอีกด้วย โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯ นี้ ยังช่วยเสริมสร้างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ต่อเนื่องของจังหวัดบึงกาฬและแขวงบอลิคำไซด้วย จะเห็นได้จากการเตรียมการของรัฐบาล สปป. ลาวที่เปิดให้จองพื้นที่ใกล้กับสะพานมิตรภาพฯ เพื่อเตรียมก่อสร้างท่าบกบอลิคำไซ สำหรับรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเติบโตขึ้น อาทิ การค้าชายแดน การอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจและการค้า การยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นในพื้นที่การขยายตัว ของการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันในภูมิภาคบนเส้นทางความเชื่อมโยงสามประเทศ และการลงทุนที่จะตามมาในอนาคต เฉกเช่นเดียวกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งอื่น ๆ ที่ได้เปิดใช้งานแล้วในปัจจุบัน
 
สอท. คาดการณ์ว่า การสร้างสะพานมิตรภาพแห่งนี้ จะส่งผลให้ สปป. ลาวได้รับประโยชน์จากภาคบริการขนส่งสาธารณะที่จะเติบโตขึ้น เนื่องจากมีความต้องการเดินทางจากประชาชนทั้งสองฝั่ง รวมทั้งจะสามารถดึงดูดการค้าและการลงทุนเข้ามาในพื้นที่ของฝั่ง สปป. ลาวมากขึ้น อันเป็นผลสืบเนื่องจากการเดินทางของนักลงทุนที่ได้รับความสะดวกมากขึ้น การเปิดสะพานฯ จะช่วยเพิ่มโอกาสและทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นในอนาคต อาทิ แขวงบอลิคำไซจะสามารถส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติได้ภายหลังการก่อสร้างสะพานฯ แล้วเสร็จ ทั้งนี้ หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาคส่วนจังหวัดและแขวงจำเป็นต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม และปรับปรุงการให้บริการเพื่อตอบสนองและรองรับต่อความต้องการด้านการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และการสัญจรของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น
 
การขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และสร้างผลประโยชน์ที่สำคัญ ดังนี้ (1) ด้านการท่องเที่ยว นอกจากผลดีด้านการค้าและคมนาคมการขนส่งแล้ว สะพานมิตรภาพฯ จะส่งผลดีต่อด้านการท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากจังหวัดบึงกาฬและแขวงบอลิคำไซยังมีความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางธรรมชาติ มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในท้องถิ่นมาก และสามารถเชื่อมโยงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว
 
ร่วมกันได้ โดยมุ่งเน้นให้ภาคการท่องเที่ยวเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน และสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติควบคู่กับการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมได้�(2) ด้านการค้าการลงทุน โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯ จะช่วยส่งเสริมให้แขวงบอลิคำไซเติบโตมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า แขวงบอลิคำไซตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของ สปป. ลาว บนเส้นทางความเชื่อมโยงระหว่างสามประเทศ ไทย สปป. ลาว และเวียดนาม รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อพื้นที่ตอนเหนือและตอนใต้ของ สปป.ลาว ซึ่งจะช่วยยกระดับความสำคัญของแขวงบอลิคำไซให้เติบโตและพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านความเชื่อมโยงในระยะต่อไปได้ หากมีแนวทางการพัฒนาและการวางแผนที่รัดกุมโดยคำนึงถึงการเติบโตในภาพรวมอย่างยั่งยืน
(3) การขับเคลื่อนนโยบายความร่วมมือระหว่างสองประเทศในมิติต่าง ๆ การก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯ จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ได้อย่างยั่งยืน ทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ อาทิ การยกระดับการค้าชายแดน การส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเมืองรองของสองประเทศ การส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงชายแดน การกระตุ้นเศรษฐกิจและการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ตลอดจนช่วยเสริมสร้างรายได้และอาชีพให้กับท้องถิ่นได้อย่างมั่นคง สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาส่วนท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
 
การเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานด้านความเชื่อมโยงภายใต้โครงการด้านการขนส่งภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ตลอดจนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาความเชื่อมโยงอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity: MPAC) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยง 5 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา ไทย สปป. ลาว เวียดนามและกัมพูชา โดยเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกการคมนาคมขนส่งสินค้าระหว่างไทยและ สปป. ลาว รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยกระตุ้นกิจกรรมและความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้อย่างมีนัยสำคัญ และยังมีบทบาทสำคัญส่งเสริมความสัมพันธ์ในภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างไทยและ สปป. ลาว สะพานแห่งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญและเป็นเสมือนกุญแจที่จะช่วยไขประตูสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้ในอนาคต
 
ข้อมูลอ้างอิง
https://workpointtoday.com/0news-50/
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1034772
ขอขอบคุณรูปภาพจาก กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ