โครงการท่าบกท่านาแล้ง และเขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์
สปป. ลาว เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่มีทางออกทะเล (Land-locked) จึงส่งผลให้เกิดข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจหลายประการ อาทิ ต้นทุนด้านโลจิสติกส์สูง การนำเข้าสินค้าเพื่อการบริโภคในประเทศและการส่งออกสินค้าจำเป็นต้องส่งสินค้าผ่านท่าเรือของประเทศที่สาม ด้วยข้อจำกัดข้างต้น จึงไม่เอื้อต่อการดึงดูดนักลงทุนให้ขยายฐานการผลิตมาใน สปป. ลาว
รัฐบาล สปป. ลาวชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9
(2564 – 2568) เพื่อยกระดับจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงใน
อนุภูมิภาค (land-locked to land-linked) และเป็นสะพานเชื่อมเศรษฐกิจกับภูมิภาค ตลอดจนนโยบาย Lao Logistics Link (LLL) เพื่อสร้างโอกาสและปรับเปลี่ยน Landscape ของ สปป. ลาว ให้เป็นศูนย์กลางด้าน โลจิสติกส์และจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของภูมิภาคในอนาคต
กระทรวงแผนการและการลงทุน สปป. ลาว ในนามของรัฐบาล สปป.ลาว ได้อนุมัติสัมปทานระยะเวลา 50 ปี ให้แก่บริษัท เวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค จำกัด (Vientiane Logistics Park : VLP ในเครือบริษัทสิดทิโลจิสติกส์ลาว จำกัด) เป็นผู้พัฒนาท่าบกท่านาแล้ง (Thanaleng Dry Port) และเขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์ (Vientiane Logistics Park) บนพื้นที่ขนาด 2,387.5 ไร่ มูลค่าการก่อสร้างกว่า 727 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นด่านสากลให้บริการด้านพิธีศุลกากรสำหรับสินค้าขาเข้า-ขาออกระหว่างประเทศ และสินค้าผ่านแดนระหว่างประเทศ โดยเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2564 เป็นต้นมา
โครงการท่าบกท่านาแล้งและเขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยเชื่อมโยงกับ (1) สถานีรถไฟท่านาแล้ง (โครงการรถไฟไทย-ลาว) (2) สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์) และ (3) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีเวียงจันทน์ใต้ (สถานีปลายทางสำหรับขนส่งสินค้า โครงการรถไฟลาว-จีน)
โครงการดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนโฉมการขับเคลื่อนด้านโลจิสติกส์และการเชื่อมต่อของ สปป. ลาว เท่านั้น แต่ยังได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร ประกอบด้วย ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า ด่านสากลสำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การวางระบบคลังสินค้า ลานกองตู้สินค้า การบริหารจัดการระบบภาษีและพิธีศุลกากร เขตโลจิสติกส์ครบวงจร เขตพาณิชย์และพื้นที่สำนักงานให้เช่าสำหรับกิจการต่างประเทศ เขตอุตสาหกรรมผลิตสินค้าเพื่อส่งออก การสร้างเส้นทางขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกจากสะพานมิตรภาพสู่พื้นที่ VLP การปรับปรุงลานกองตู้สินค้าขนาดใหญ่ การสร้างจุดเชื่อมจอด (Meeting point) สำหรับรถไฟไทย-ลาว และรถไฟลาว-จีน และการปรับปรุงกฎระเบียบภายในต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนทั้งภายในและต่างชาติ ที่ถือว่าเป็นหมุดหมายแรกในการดำเนินยุทธศาสตร์เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของ สปป. ลาว
รัฐบาล สปป.ลาว ได้จดทะเบียนท่าบกเป็น “A Dry Port of International Importance” จำนวน 9 แห่ง โดยมีท่าบกท่านาแล้งเป็น 1 ใน 9 แห่งที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมของสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) ระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการจัดตั้งท่าบก เลขที่ 69/7 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 และได้ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2019
นอกจากโครงการท่าบกท่านาแล้งและเขตโลจิสติกส์นครหลวงเวียงจันทน์แล้ว รัฐบาล สปป.ลาวยังมีโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์อีกหลายโครงการ อาทิ (1) โครงการทางด่วนนครหลวงเวียงจันทน์-ด่านสากลบ่อเต็น ที่จะช่วยยกระดับโครงข่ายเส้นทางทางบกไปยังประเทศจีน ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าขึ้นไปทางเหนือ (2) โครงการเส้นทางรถไฟลาว-เวียดนาม ที่จะเชื่อมต่อนครหลวงเวียงจันทน์-ท่าแขก-นาเพ้า-ท่าเรือหวุงอ่าง เป็นโครงการขนาดใหญ่ด้านการเชื่อมต่อ สปป. ลาวสู่ทางออกทะเล ในเวียดนามที่ใกล้ที่สุด (3) โครงการพัฒนาท่าเรือหวุงอ่างในเวียดนามซึ่ง สปป. ลาวได้สิทธิ์ในการบริหารและพัฒนาเต็มรูปแบบ โครงการ Mega Projects เหล่านี้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของ สปป. ลาว จาก Land-locked สู่ Land-linked อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างทางเลือกในการขนส่งสินค้าให้กับภูมิภาค
https://vientianelogisticspark.com/
https://www.thestorythailand.com/26/01/2022/53259/