วันที่นำเข้าข้อมูล 2 ก.ย. 2565
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 3 ม.ค. 2566
มันสำปะหลังและยางพารา พืชเศรษฐกิจใหม่ของ สปป. ลาว
สปป. ลาวเป็นประเทศที่ภาคเกษตรกรรมเป็นแหล่งรายได้หลักของประชาชน โดยในปี 2564 รายได้จากภาคการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 16 ของ GDP โดยรัฐบาล สปป. ลาวได้กำหนดให้แผนการส่งเสริมภาคการเกษตร เลี้ยงสัตว์ และปลูกพืชเชิงพาณิชย์เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (2564 – 2568) เพื่อให้สามารถส่งออกสินค้าเกษตรได้อย่างน้อย 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยพืชส่งออกหลักของ สปป. ลาว ได้แก่ มันสำปะหลัง ยางพารา กล้วย กาแฟ (ยังไม่แปรรูป) ข้าวโพด และข้าว นอกจากนี้ การส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรเพื่อทดแทนการนำเข้ายังเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของวาระแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและการคลังอีกด้วย
ผลผลิตทางการเกษตรเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของ สปป. ลาว ไม่เพียงเพื่อการบริโภคเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปใช้ในการเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งเป็นแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย โดย สปป. ลาวมีพื้นที่ และสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการเพราะปลูกพืชได้หลากหลายชนิด ประชากรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ตามข้อมูลการสำรวจสถิติเกษตรทั่วประเทศ ครั้งที่ 3 ระบุว่า ในปี 2564 สปป. ลาว มีครัวเรือนที่ทำการเกษตรทั้งหมด 644,000 ครัวเรือนคิดเป็นร้อยละ 48.94 ของจำนวนครัวเรือนทั่วประเทศ (1,315,760 ครัวเรือน) และตามการสำรวจและแบ่งเขตพื้นที่ด้านการเกษตรในระดับแขวงและเมืองทั่วประเทศ ระบุว่า สปป. ลาวมีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 4.5 ล้านเฮกตาร์ คิดเป็นร้อยละ 19 ของพื้นที่ทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย ได้แก่ (1) พื้นที่ราบ เหมาะสำหรับการทำนาและปลูกพืชล้มลุกอายุสั้น เนื้อที่ประมาณ 2 ล้านเฮกตาร์ (2) พื้นที่ลาดชันปานกลาง ชั้นดินลึกเหมาะแก่การปลูกพืชที่เพื่อการบริโภค อาทิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ผลไม้ พืชอุตสาหกรรมหรือพืชเศรษฐกิจประเภทอื่นประมาณ 1.8 ล้านเฮกตาร์ และ (3) พื้นที่ดินที่เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติเหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์ใหญ่ประมาณ 0.65 ล้านเฮกตาร์ นอกจากนี้ ยังพื้นที่เป็นเขตป่าไม้พุ่มประมาณ 1.14 ล้านเฮกตาร์ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ใหญ่ได้
ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ราคาสินค้าประเภทพืชเพื่อการบริโภคและสินค้าเกษตรในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น โดยการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าดังกล่าวส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของ สปป. ลาว ซึ่งในปี 2564
มันสำปะหลัง ยางพาราและกล้วย กลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงเป็นอันดับต้น ๆ โดยส่งออกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นจาก 200.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 เป็น 274.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 36.39 ยางพาราเพิ่มขึ้นจาก 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 เป็น 269.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 17.3 และกล้วยเพิ่มขึ้นจาก 187.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 เป็น 235.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐคิดเป็นร้อยละ 25.95 และในช่วงเดือน ม.ค. – พ.ค. 2565 สปป. ลาวส่งออกมันสำปะหลังไปไทยมูลค่า 218.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 89.52 ของมูลค่าการส่งออกมันสำปะหลังทั้งหมดของ สปป. ลาว กล้วยมูลค่า 135,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 0.1 ของมูลค่าการส่งออกกล้วยทั้งหมด โดยยังไม่มีตัวเลขการส่งออกยางพาราไปไทย
GDP สปป.ลาว ในปี 2564 ประมาณ 18.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายการ (ดอลลาร์สหรัฐ) |
2561 | 2562 | 2563 | 2564 | ม.ค. – พ.ค.2565 |
มันสำปะหลัง | 85,489,000 | 111,491,000 | 200,947,000 | 274,084,000 | 244,029,000 |
ยางพารา | 168,159,000 | 217,486,000 | 230,000,000 | 269,815,000 | 110,945,000 |
กล้วย | 111,999,000 | 197,842,000 | 186,776,000 | 235,242,000 | 125,122,000 |
ข้อมูล กรมนำเข้าและส่งออก กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว
การปลูกมันสำปะหลังใน สปป. ลาวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี 2558 สปป. ลาวมีเนื้อที่ปลูกมันสำปะหลัง 45,600 เฮกตาร์ สามารถผลิตได้ 1,513,920 ตัน และในปี 2563 ขยายเป็น 112,450 เฮกตาร์ ผลผลิตได้ 3,390,000 ตัน เนื่องจากอุตสาหกรรมการแปรรูปมันสำปะหลังได้รับความนิยมอย่างมากเป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร ยา อาหารสัตว์ สารให้ความหวาน เครื่องนุ่งห่ม กระดาษและอื่น ๆ พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังส่วนใหญ่อยู่ในแขวงไซยะบูลี รองลงมาได้แก่ สาละวัน จำปาสักและบอลิคำไซ ตามลำดับ ตลาดส่งออกมันสำปะหลังที่สำคัญของ สปป. ลาวได้แก่ ไทย เวียดนาม และจีน จึงเป็นการบ่งชี้ว่าตลาดมันสำปะหลังมีโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มจะกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของ สปป. ลาว ในอนาคต
ขณะที่ ปัจจุบัน สปป. ลาวมีพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งหมด 294,123 เฮกตาร์ โดยส่วนใหญ่บริษัทลงทุนปลูกเองในรูปแบบเช่า-สัมปทานที่ดินจากรัฐจำนวน 131,610 เฮกตาร์ บริษัทส่งเสริมประชาชนปลูกแบบเกษตรพันธสัญญา Contract Farming รูปแบบ 2+3 (2 คือประชาชนลงทุนในส่วนของที่ดินและแรงงาน +3 คือบริษัทลงทุนด้วยเงินทุน เทคโนโลยีและหาตลาดรองรับ) จำนวน 59,758 เฮกตาร์และประชาชนปลูกเอง 102,755 เฮกตาร์ โดยยางพาราเป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท อาทิ อุตสาหกรรมยางรถยนต์ อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องมือในชีวิตประจำวันและอื่น ๆ พื้นที่ปลูกยางพาราส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคเหนือแขวงหลวงน้ำทาอุดมไซ รองลงมาคือภาคกลางและภาคใต้ ตามลำดับ ตลาดส่งออกยางพาราที่สำคัญของ สปป. ลาว ได้แก่ เวียดนาม จีนและไทย ด้วยความหลากหลายในการแปรรูปและความต้องการของตลาดทำให้ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่น่าจับตามองของ สปป. ลาว เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันสำปะหลังและยางพาราเป็นพืชอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการแปรรูป การสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของหลายประเทศ ยางพาราและมันสำปะหลังยังถือเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่
ใน สปป. ลาวและยังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน อาทิ (1) ชาวเกษตรกรยังขาดองค์ความรู้ด้านเทคนิคเกี่ยวกับระบบการปลูกมันสำปะหลังแบบยั่งยืน ส่วนใหญ่ปลูกตามธรรมชาติบางพื้นที่ได้ผลผลิตน้อยและไม่มีคุณภาพ จึงยังไม่ตรงตามความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปที่ส่วนใหญ่ต้องการหัวมันสำปะหลังที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังมีปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเพื่อปลูกมันสำปะหลังอีกด้วย (2) ไม่มีมาตรการในการคุ้มครองราคาซื้อ-ขายยางพารา (3) ข้อจำกัดด้านแรงงานและเครื่องมือที่ทันสมัย (4) การจัดสรรการใช้ที่ดินยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เนื่องจากบางพื้นที่ไม่ปลูกผลผลิตเพื่อการบริโภคชนิดอื่นให้มีความหลากหลาย อีกทั้งความต้องการใช้ที่ดินสำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ใช้ที่ดินเพื่อผลิตพืชเพื่อการบริโภคลดลง และ (5) การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติยังเป็นสิ่งท้าทาย โดยเฉพาะปัญหาการเสื่อมโทรมของที่ดินเนื่องจากการใช้สารเคมีที่เพิ่มขึ้นและอื่น ๆ เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยและความท้าทายข้างต้น จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดถึงโอกาสและการเติบโตของพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สำคัญทั้งสองชนิดว่าจะสามารถเติบโตและเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรมากน้อยอย่างไรในอนาคต
ข้อมูลอ้างอิง
ยุทธศาสตร์การพัฒนากสิกรรมจนถึงปี 2568 และวิสัยทัศจนถึงปี 2573
https://eriit.moic.gov.la/researcheriitlao/
https://www.laophattananews.com/archives/125361
รูปภาพประกอบ