การส่งเสริมเลี้ยงโคและกระบือใน สปป. ลาว เพื่อส่งออกไปจีน

การส่งเสริมเลี้ยงโคและกระบือใน สปป. ลาว เพื่อส่งออกไปจีน

วันที่นำเข้าข้อมูล 10 ต.ค. 2565

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 4 ม.ค. 2566

| 2,556 view

การส่งเสริมเลี้ยงโคและกระบือใน สปป. ลาว เพื่อส่งออกไปจีน

สปป. ลาวกำหนดให้การผลิตสินค้าเกษตรเป็นแผนงานที่มีความสำคัญลำดับต้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยกำหนดเป้าหมายในการสร้างรายได้และปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนท้องถิ่นให้หลุดพ้นจากความยากจนและออกจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ภายในปี 2567 เพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2573 โดยรัฐบาล สปป. ลาวส่งเสริมให้เกษตรกรทั่วประเทศเลี้ยงโคและกระบือเพื่อส่งออกไปจีน เนื่องจากความต้องการของตลาดจีนที่เพิ่มขึ้น และเป็นการใช้ประโยชน์ในการขนส่งปศุสัตว์ผ่านทางรถไฟลาว – จีนซึ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ธ.ค. 2564

รัฐบาล สปป. ลาวก่อตั้งโครงการเลี้ยงโคเพื่อส่งออกไปจีน ระยะเวลา 8 ปี (2564 – 2571) ตั้งเป้าหมายเลี้ยงโคให้ได้มาตรฐาน 50,000 ตัวต่อปี และสร้างฟาร์มพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ 100 แห่ง เพื่อออกลูกได้ประมาณ 500 ตัวต่อรอบ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับกรอบความร่วมมือยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสองประเทศที่ลงนามร่วมกันเมื่อปี 2562 โดยรัฐบาล สปป. ลาวได้รับโควตาการส่งออกโคและกระบือจากรัฐบาลจีนจำนวน 500,000 ตัวต่อปี ในเบื้องต้นรัฐบาล สปป. ลาวตั้งเป้าส่งออกไปจีนให้ได้ 200,000 ตัวต่อปีจนถึงปี 2566 และปี 2567 เป็นต้นไปกำหนดเป้าหมายการส่งออกให้ได้ 500,000 ตัวต่อปี ทั้งนี้ ในจำนวนโควตา 500,000 ตัวต่อปีนั้นเป็นโควตารวมโดยการนำเข้าไปจีนแต่ละครั้งจะมีโควตาเฉพาะ โดยอ้างตามจำนวนสัตว์ที่มีและสามารถรวบรวมในเขตกักกันสัตว์ได้ โดยรัฐบาลจีนจะออกใบอนุญาตนำเข้าให้ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท เมืองหล้าเฉิงค้าง พัฒนาอาหารกสิกรรม จำกัด บริษัท ลาวโกทงพัฒนากสิกรรม และบริษัท สิบสองปันนาเยหง การค้าเพื่อผลัดเปลี่ยนกันขอโควตานำเข้าสัตว์ใหญ่

นอกจากโควตาการส่งออกสัตว์ใหญ่แล้ว ฝ่ายจีนยังยกเว้นภาษีบางรายการสินค้าให้แก่ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด 16 ประเทศ รวมถึง สปป. ลาว ซึ่งคาดว่าการเชื่อมโยงระหว่างลาว-จีน รวมทั้งนโยบายต่าง ๆ อาทิ การผ่อนผันหรือยกเว้นภาษีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ การอำนวยความสะดวกด้านกฎระเบียบต่าง ๆ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะสร้างโอกาสใหม่สำหรับความร่วมมือด้านเกษตรระหว่าง สปป. ลาวและจีนเพิ่มขึ้น

ตามข้อมูลของกรมเลี้ยงสัตว์และการประมง กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป. ลาว ระบุว่า ในปี 2564 สปป. ลาว เลี้ยงโคทั้งหมด 2,263,100 ตัว และกระบือ 1,239,000 ตัว การส่งออกสัตว์ใหญ่ไปจีนอย่างเป็นทางการตามข้อกำหนดเงื่อนไขด้านสุขอนามัยด้านการกักกันและตรวจสุขภาพสัตว์ใหญ่ที่ส่งออกจาก สปป. ลาวไปจีน ของกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป. ลาวและกรมใหญ่ภาษีของจีนที่ร่วมลงนามเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2562 ระหว่างวันที่ 28 เม.ย. 2562 – 24 พ.ค. 2564 สปป. ลาวสามารถส่งออกสัตว์ใหญ่เพื่อทดลองระบบ ครั้งที่ 1 จำนวน 2,013 ตัว (โค 1,992 ตัวและกระบือ 21 ตัว) ในจำนวนโควตา 3,000 ตัว ต่อมาเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค. 2564 เกิดโรคติดต่อทางผิวหนังระบาดในโคและกระบือใน สปป. ลาว ทางการจีนจึงหยุดนำเข้าสัตว์ใหญ่และผลิตภัณฑ์ประเภทโคและกระบือจาก สปป. ลาว เป็นการชั่วคราว และล่าสุดเดือน มี.ค. 2565 สปป. ลาวขอเจรจาเปิดตลาดส่งออกสัตว์ใหญ่อีกครั้ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อส่งออกโคและกระบือไปจีนชุดต่อไป

แม้ว่า สปป. ลาวจะได้รับสิทธิประโยชน์หลายด้าน แต่ยังไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์เหล่านั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากการผลิตและเลี้ยงสัตว์ใน สปป. ลาวส่วนใหญ่เป็นการเลี้ยงตามธรรมชาติ ผู้เลี้ยงโคและกระบือจำเป็นต้องพัฒนาการเลี้ยงให้ได้ตามข้อกำหนดและมาตรฐานของจีน ซึ่งกำหนดให้โคและกระบือต้องมีอายุไม่เกิน 4 ปี น้ำหนัก 350 กิโลกรัมขึ้นไปและปลอดโรค ซึ่งถือเป็นความท้าทาย เนื่องจากพบการระบาดของโรคในสัตว์ โดยเฉพาะโรคปากเท้าเปื่อยและอื่น ๆ อยู่เป็นระยะ

ข้อมูลอ้างอิง
ยุทธศาสตร์การพัฒนากสิกรรมจนถึงปี 2568 และวิสัยทัศน์จนถึงปี 2573

https://www.maf.gov.la

https://www.allinlaos.com/2021/01/34073/

https://shorturl.asia/IYiv3

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ